นายวีระพล จิรประดิษฐกุล คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากที่กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบฟิทอินทรารีฟหรือเอฟไอที สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ที่อยากจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ แต่ติดปัญหาว่าทางภาครัฐปิดการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทุกประเภทแล้วตั้งแต่ปี 2557 ยกเว้นการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะอุตสาหกรรม จำนวน 50 เมกะวัตต์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ด้วยความสนใจของนักลงทุนจำนวนมาก บวกกับผลตอบแทนเอฟไอทีที่คุ้มค่าด้านการลงทุน จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้มิจฉาชีพ นำช่องโหว่จากการปิดรับซื้อไฟฟ้าไปแสวงหาผลประโยชน์ โดยการนำโครงการที่ยื่นเสนอขายไฟฟ้าหรือโครงการที่ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า(พีพีเอ)ไปแล้ว มาแอบอ้างและปลอมแปลงเอกสาร เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ที่หลงเชื่อ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการระบาดมากขึ้น สร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ทางกกพ.อยากจะเตือนนักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังไม่มีความรู้หรือความเข้าใจในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ที่ถูกยกเลิกการรับซื้อไฟฟ้าไปแล้ว ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่า มีจำนวนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ถูกยกเลิกไม่สามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบได้มีอยู่จำนวน 989 โครงการ รวมปริมาณไฟฟ้าที่ขายประมาณ 1.5 หมื่นเมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กหรือเอสพีพี ที่ขายไฟฟ้าเกินกว่า 10 เมกะวัตต์ จำนวน 151 โครงการ ปริมาณการขายไฟฟ้า 1.142 หมื่นเมกะวัตต์ ซึ่งแยกเป็นโครงการที่ยกเลิกการตอบรับซื้อไฟฟ้า ที่มีการยื่นเสนอขายไฟฟ้าเข้ามาแล้วแต่สายส่งในพื้นที่ไม่สามารถรองรับได้หรือไม่ผ่านคุณสมบัติดานเทคนิค มีจำนวน 6 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 369 เมกะวัตต์ ยกเลิกแบบคำขอขายไฟฟ้า จากปัญหาที่ไม่มาลงนามสัญญาการขายไฟฟ้าหรือพีพีพีเอกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง ภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากวันที่ตอบรับโครงการ และไม่มาลงนามพีพีเอกับการไฟฟ้าฝายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายในระยะเวลา 2 ปี มีจำนวน 102 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 1.074 หมื่นเมกะวัตต์ และยกเลิกสัญญาขายไฟฟ้า(พีพีเอ) มีจำนวน 43 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 304 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากหรือวีเอสพีพี ที่ขายไฟฟ้าต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ มีจำนวน 838 โครงการ ปริมารการขายไฟฟ้า 3,648 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ยกเลิกตอบรับซื้อไฟฟ้าจำนวน 133 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 370 เมกะวัตต์ ยกเลิกแบบคำขอขายไฟฟ้า 262 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 1,091 เมกะวัตต์ และยกเลิกสัญญาพีพีเอ 443 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 2,186 เมกะวัตต์
นายวีระพล กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการโครงไฟฟ้าเอสพีพีที่ถูกปฏิเสธการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม รวม 58 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 3,311 เมกะวัตต์ รองลงมาเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 57 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 795.7 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 27 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 6,733 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าวีเอสพีพีที่ถูกปฏิเสธการรับซื้อไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะเป็น การผลิตไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 323 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 1,984 เมกะวัตต์ รองลงมาเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 192 โครงการ ประมาณขายไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ จำนวน 136 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 230 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 75 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 229 เมกะวัตต์ รวมถึงพลังงานน้ำขนาดเล็ก 26 โครงการ ปริมาณขายไฟฟ้า 86.7 เมกะวัตต์ เป็นต้น
ดังนั้น หากมีมิจฉาชีพเข้ามาเสนอการขายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ที่อยู่ในข่าย 989 โครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นวีเอสพีพี สามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากกกพ.โดยตรง และสามารถแจ้งดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายได้ทันที
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 – 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559
